Home / ข่าวประชาสัมพันธ์ / ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 382/2559 ผลประชุมกระทรวงศึกษาธิการ 9/2559

ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 382/2559 ผลประชุมกระทรวงศึกษาธิการ 9/2559

รูปภาพ144 

ศึกษาธิการ – พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 9/2559 เมื่อวันพุธที่ 14 กันยายน 2559 ว่าที่ประชุมได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานเรื่องต่างๆ ขององค์กรหลักและหน่วยงานในกำกับ สรุปดังนี้

รายงานการใช้จ่ายงบประมาณปี 2559 ซึ่งเบิกจ่ายแล้ว 89% แต่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด

ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2559 ของกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 ถึงวันที่ 9 กันยายน 2559 ซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) ได้รายงานว่ากระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 515,516.1964 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 459,803.3338 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 89.19 แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 425,580.7506 ล้านบาท หรือร้อยละ 90.37 และรายจ่ายลงทุน 34,222.5832 ล้านบาท หรือร้อยละ 76.77 ทั้งนี้ ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด


ความก้าวหน้าการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นสายสะพายฯ

ที่ประชุมรับทราบรายงานความก้าวหน้าการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นสายสะพายประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.) ให้กับผู้ดำรงตำแหน่งครู ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษา (ผู้อำนวยการสถานศึกษา) และผู้บริหารสถานศึกษา ที่มีวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (สำนักงาน ก.ค.ศ.) ได้จัดทำบัญชีการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดังกล่าว ให้กับผู้อำนวยการ/รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา และผู้อำนวยการ/รองผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัด/กทม. จำนวน 549 คนแล้ว เพื่อนำไปหารือร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ได้พิจารณาต่อไป


ความก้าวหน้าโครงการบรรณสัญจร ซึ่งได้รับบริจาคหนังสือเข้าห้องสมุดประชาชนและบ้านหนังสือชุมชนแล้วกว่า 7 ล้านเล่ม

ที่ประชุมรับทราบรายงานความก้าวหน้าการส่งเสริมการอ่านภายใต้โครงการบรรณสัญจร (Book Voyage 2559) ของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สำนักงาน กศน.) ซึ่งได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์และรณรงค์รับบริจาคหนังสือและสื่อส่งเสริมการอ่านให้แก่ห้องสมุดประชาชนและบ้านหนังสือชุมชน เป้าหมายไม่น้อยกว่า 10 ล้านเล่ม โดยมีผู้สนใจทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ หนังสือพิมพ์มติชน, หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ, MCOT TV, TK Park, บริษัท สำนักพิมพ์แม็ค จำกัด เป็นต้น ร่วมบริจาคหนังสือตามโครงการบรรณสัญจร ตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน 2559 รวมทั้งสิ้น 7,103,349 เล่ม คิดเป็นเงิน 213,222,815 ล้านบาท

ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบทุกองค์กรหลักสำรวจจำนวนผู้ยืมหนังสือและผู้เข้าใช้บริการห้องสมุดในรอบ 6 เดือน เพื่อศึกษาเปรียบเทียบผลตอบรับการส่งเสริมการอ่านของเด็ก เยาวชน ตลอดจนประชาชนต่อไป


ผลการดำเนินงานของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ปี 2559

ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ประจำปีงบประมาณ 2559 ซึ่งได้ขับเคลื่อนการปฏิรูปคุรุสภาใน 5 เรื่องหลัก ได้แก่

1) การปรับปรุงกฎหมาย โดยได้ปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ในส่วนของคุรุสภา เพื่อลดสัดส่วนคณะกรรมการคุรุสภาเหลือ 27 คน เปลี่ยนกรรมการมาตรฐานวิชาชีพเป็นกรรมการจรรยาบรรณ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิชาอื่นๆ มีสิทธิ์ขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเพื่อมาเป็นครูได้

2) การแก้ไขข้อบังคับเกี่ยวกับมาตรฐานวิชาชีพ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดเพื่อปรับหลักเกณฑ์การประเมินให้มีระบบทดสอบเพื่อขอรับใบประกอบวิชาชีพเช่นเดียวกับแพทยสภา โดยจะเริ่มทดลองใช้ในปี 2560 นอกจากนี้เตรียมที่จะทบทวนหลักเกณฑ์การต่ออายุใบประกอบวิชาชีพ โดยนำระบบคะแนนสะสมของกิจกรรมมาใช้ประกอบการต่ออายุ และทบทวนมาตรฐานวิชาชีพทั้ง 9 ด้าน และ 11 ด้าน เพื่อให้สะท้อนคุณภาพของการสอนอย่างแท้จริง

3) การแก้ไขข้อบังคับเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพ  โดยได้ประกาศเป็นราชกิจจานุเบกษาเกี่ยวกับการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณวิชาชีพครูในความผิดชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด ล่วงละเมิดทางเพศ การทุจริต การผิดวินัย เป็นต้น ซึ่งคุรุสภามีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพไว้ก่อน จากนั้นจะมีการตั้งกรรมการดำเนินการสอบสวนตามกระบวนการ จนกระทั่งนำไปสู่การเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพต่อไป

4) การพัฒนาวิชาชีพครูระบบ PLC ได้นำระบบ Professional Learning Community (PLC) มาใช้สนับสนุนเครือข่ายพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา เพื่อให้ครูวิชาเอกต่างๆ ในสังกัด สพฐ., สอศ. และสำนักงาน กศน. รวมตัวกันเพื่อพัฒนาองค์ความรู้จากการเรียนการสอนของ อันจะนำไปสู่ชุมชนการเรียนรู้ในแต่ละสาขาวิชาต่อไป

5) ผลการดำเนินงานตามภารกิจที่สำคัญ  อาทิ การรับรองปริญญาทางการศึกษา และประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูของสถาบันต่างๆ จำนวน 179 หลักสูตร, การออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา 61,161 ราย, การพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพทางการศึกษา 57 เรื่อง, จัดประชุมสภาครูอาเซียน โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวน 1,032 คน, พัฒนาผู้สอนในพื้นที่ห่างไกล หลักสูตรปริญญาบัณฑิตวิชาชีพครู ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 150 คน เป็นต้น

 


การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก

ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ภายใต้โครงการ "โรงเรียนดีใกล้บ้าน"  โดยการพัฒนาโรงเรียนแม่เหล็ก 310 โรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อรองรับเด็กจากโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนต่ำกว่า 20 คน ซึ่งมีอยู่จำนวน 827 โรงเรียนมาเรียนร่วม โดยแบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงปี 2559-2560 จำนวน 421 โรงเรียน และปี 2561 อีกจำนวน 406 โรงเรียน

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับข้อกังวลของผู้ปกครองเกี่ยวกับการเดินทางไป-กลับของนักเรียน จึงขอให้ สพฐ. กำชับไปยังผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลงไปพูดคุยกับผู้ปกครองเป็นรายบุคคล เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเป็นรายๆ ไป พร้อมทั้งขอให้ท้องถิ่นและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ตลอดจนหาแนวทางการดูแลทรัพย์สินของโรงเรียนที่จะถูกยุบ เพื่อเปลี่ยนสภาพไปเป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนหรือห้องเรียนของสำนักงาน กศน. อย่างเป็นระบบต่อไปด้วย


ผลการดำเนินโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ปี 2559

ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น พ.ศ.2559-2572 ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ซึ่งคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบโครงการดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 โดยมีเป้าหมายเพื่อคัดเลือกคนดี คนเก่ง เข้าสู่วิชาชีพครู ในระยะ 10 ปี จำนวน 48,374 คน และจัดสรรอัตราบรรจุจากการเกษียณอายุราชการของ สพฐ. สอศ. กศน. และกรุงเทพมหานคร จำนวนร้อยละ 25 ของแต่ละปี

โดยในปี 2559 ซึ่งเป็นปีแรกในการดำเนินโครงการ ได้รับสมัครคัดเลือกนักเรียนชั้น ม.6 และนิสิตนักศึกษาครู ชั้นปีที่ 1-5 เข้าร่วมโครงการ เพื่อบรรจุเข้ารับราชการจำนวน 4,079 อัตรา โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • รับสมัคร มีการเปิดรับสมัครเมื่อวันที่ 4-18 กรกฎาคม 2559 ผ่านระบบออนไลน์ของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ซึ่งมีผู้สมัครจำนวน 39,400 คน และมีผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและมีสิทธิ์เข้าสอบ จำนวน 30,305 คน

  • สอบคัดเลือก กำหนดให้มีการสอบคัดเลือกในวันที่ 28 สิงหาคม 2559 โดยมีผู้มาเข้าสอบรวมทั้ง 5 สนามสอบ จำนวน 26,970 คน โดยสนามสอบมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีผู้มาสอบมากที่สุด 8,512 คน รองลงมาคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 6,132 คน และมหาวิทยาลัยนเรศวร 2,633 คน ตามลำดับ สำหรับวิชาที่ใช้สอบคัดเลือก ประกอบด้วยวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยจะต้องได้คะแนนแต่ละวิชาไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 และมีคะแนนรวม 3 วิชาไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60

  • เกณฑ์การคัดเลือก เพื่อบรรจุเข้ารับราชการตามภูมิลำเนา ได้แก่
       1) กรณีเลือกประเภทโรงเรียนประถมศึกษา พิจารณาภูมิลำเนาตรงกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
       2) กรณีเลือกประเภทโรงเรียนมัธยมศึกษา พิจารณาภูมิลำเนาให้ตรงกับจังหวัด
       3) กรณีเลือกสถานศึกษาสังกัด สอศ. พิจารณาภูมิลำเนาตรงกับจังหวัด
       4) กรณีเลือกสถานศึกษาสังกัดสำนักงาน กศน. พิจารณาภูมิลำเนาตรงกับจังหวัด

  • ประกาศผลสอบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจข้อสอบ คาดว่า สทศ.จะส่งคะแนนสอบให้ สกอ.ได้ภายในวันที่ 26 กันยายนนี้ เพื่อประกาศผลภายในวันที่ 6 ตุลาคม และบรรจุเข้ารับราชการในวันที่ 24 ตุลาคม 2559



นวรัตน์ รามสูต, บัลลังก์ โรหิตเสถียร : สรุป/รายงาน
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี : ถ่ายภาพ
14/9/2559