“สพฐ. หารือส่วนราชการ ผลักดันแนวทางสร้างสวัสดิการให้ลูกจ้างทุกราย”

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 นายพิเชษฐ์ โพธิ์ภักดี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) มอบหมายให้นายพิเชษฐ์ วันทอง รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมหารือการจัดสรรงบประมาณสำหรับการจ้างธุรการโรงเรียนและนักการภารโรง โดยมีผู้แทนจากส่วนราชการต่าง ๆ ได้แก่ นางสาววราภรณ์ ตั้งตระกูล รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน นางสาวชลลดา แจงทนงค์ ผู้อำนวยการกองจัดทำงบประมาณด้านสังคม 1 สำนักงบประมาณ นางสาวชลดา เห็นวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบลูกจ้าง กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง นายสุขสันต์ เจริญทวีโชค ผู้อำนวยการสำนักเงินสมทบ สำนักงานประกันสังคม นางสาวกรพินธุ์ เอื้อศรี้เจริญ นักวิชาการสิทธิมนุษยชนชำนาญการ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายอนุสรณ์ โฉมนนทาเพ็ญ นักวิชาการแรงงานปฏิบัติการ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ.2 อาคาร สพฐ. 5 ชั้น 9 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting

การประชุมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อหารือแนวทางการจัดสรรงบประมาณสำหรับเป็นเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนให้แก่ธุรการโรงเรียนและนักการภารโรงในสังกัด สพฐ. ตามข้อเสนอของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาจัดสรรงบประมาณงบกลางมาจ่ายให้แก่ลูกจ้างทั้งสองกลุ่มไปพลางก่อน ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ให้ สพฐ. นำข้อเสนอดังกล่าวหารือร่วมกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาความเหมาะสม ข้อกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ

ที่ประชุมได้อภิปรายร่วมกันถึงปัญหา ข้อจำกัด และแนวทางในการจัดสวัสดิการให้แก่ลูกจ้างหรือจ้างเหมาบริการในส่วนราชการ โดยสรุปว่าการใช้งบกลางในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เพื่อขอรับจัดสรรเป็นเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนนั้น จะต้องเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลางฯ พ.ศ. 2562 ซึ่งส่วนราชการยังไม่อยู่ในฐานะที่สามารถดำเนินการจ่ายเงินในหมวดดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ผู้แทนจากสำนักงานประกันสังคมให้ข้อมูลว่า กฎหมายประกันสังคมเป็นสวัสดิการที่ให้กับช่วงวัยแรงงาน ดังนั้น ลูกจ้างหรือจ้างเหมาบริการของส่วนราชการทุกคนสามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ได้ และหากลูกจ้างหรือจ้างเหมาบริการของ สพฐ. รายใดที่เคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาแล้ว และปัจจุบันเปลี่ยนเป็นจ้างเหมาบริการ มีความประสงค์จะสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 แต่ไม่ได้สมัครในระยะเวลาที่กำหนด 6 เดือน ทางสำนักงานประกันสังคมจะดำเนินการให้เป็นเฉพาะกรณี โดยจะประสานกับทาง สพฐ. อีกครั้ง

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือเรื่องสิทธิตาม พรบ.คุ้มครองแรงงาน โดยได้ข้อสรุปว่าจ้างเหมาบริการของส่วนราชการจะยังคงต้องถือปฏิบัติตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายที่หารือร่วมกันมีเป้าหมายและความพยายามที่จะทำให้ลูกจ้างหรือจ้างเหมาบริการได้รับสิทธิและสวัสดิการเพื่อเพิ่มความมั่นคงในการทำงาน และเห็นว่าส่วนราชการควรมีทางออกในการจัดสวัสดิการให้ครอบคลุมสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกตำแหน่ง โดยต้องคำนึงถึงลักษณะงานที่ปฏิบัติจริง ลักษณะของสัญญาจ้าง และงบประมาณของภาครัฐประกอบด้วย ซึ่ง สพฐ. จะดำเนินการหารือในเรื่องของการจัดทำสัญญาจ้างกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายต่อไป

ข้อมูลจาก :