Home / ข่าวประชาสัมพันธ์ / ศธ.เตรียมหลักสูตรพัฒนาครูปี 2561

ศธ.เตรียมหลักสูตรพัฒนาครูปี 2561

ธ.เตรียมหลักสูตรพัฒนาครูปี 2561


รมว.ศึกษาธิการ เผยหลักสูตรพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาปีนี้ มีหน่วยงานราชการและเอกชนยื่นสมัครหลักสูตรต่าง ๆ ให้ครูเลือกอบรมแล้ว 3,219 หลักสูตร ย้ำให้คณะกรรมการประเมินเข้มข้นในขั้นตอนคัดเลือกหลักสูตร ส่วนหลักสูตรที่เป็นเทคนิคการสอนจะปรับปรุงให้บูรณาการเนื้อหาวิชากับศาสตร์วิชาชีพครูมากขึ้น จะแยกเทคนิคการสอนกับเนื้อหาวิชาเหมือนปีที่ผ่านมาไม่ได้ กำหนดให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 5 มีนาคมนี้

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม 2561 เวลา 08.30 น. สถาบันคุรุพัฒนา และสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา จัดการประชุมชี้แจงและประเมินหลักสูตรเพื่อการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน ครั้งที่ 1/2561 ณ ห้องประชุมพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม (พระตำหนักสวนกุหลาบมัธยม) อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยได้รับเกียรติจาก นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิด และ ดร.สมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภา, ผู้บริหาร ศธ. ตลอดจนคณะกรรมการจัดระบบการรับรองหลักสูตรเพื่อการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน และคณะกองบรรณาธิการหลักสูตร เพื่อการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน เข้าร่วมกว่า 500 คน

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ที่มีครูและผู้บริหาร ศธ. ตั้งใจมาร่วมขับเคลื่อนที่จะพัฒนาครูด้วยกัน เพราะไม่มีใครรู้ดีที่สุดว่าครูควรพัฒนาอะไร นอกจากครูเอง การจัดประชุมครั้งนี้จึงให้คณะกรรมการจัดระบบการรับรองหลักสูตรฯ และคณะกองบรรณาธิการหลักสูตรฯ ได้ร่วมกันพิจารณาและประเมินหลักสูตรพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ปี 2561 ซึ่งขณะนี้มีสมัครเข้ามาแล้ว 3,219 หลักสูตร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ได้รับอนุมัติจำนวน 1,460 หลักสูตร

ทั้งนี้ กรอบแนวคิดของการออกแบบหลักสูตร จะพิจารณาการบูรณาการระหว่างเนื้อหาสาระวิชา (Content Knowledge) กับหลักวิชาชีพครู (Pedagogical Knowledge) มุ่งพัฒนาสมรรถนะและความสามารถในการจัดการเรียนการสอนและเท่าทันต่อโลกศตวรรษที่ 21 ตามสาระวิชาเฉพาะที่บูรณาการเนื้อหากับศาสตร์วิชาชีพครู (Pedagogical content knowledge: PCK) หรือหลอมรวมเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ากับการจัดการเรียนการสอนเฉพาะทาง (Technology content knowledge) ตลอดจนนำกรณีศึกษาหรือแนวทางต่าง ๆ มาช่วยสนับสนุนให้ครูเกิดแนวคิดและแรงบันดาลใจในการพัฒนาปรับปรุง เปลี่ยนกระบวนการเรียนการสอน และปฏิบัติตามกระบวนการชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพ (Professional Learning community)

สิ่งสำคัญคือ การกำหนดเกณฑ์และวิธีการประเมินหลักสูตร เพื่อให้ได้หลักสูตรที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน ของแต่ละสังกัด ซึ่งจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 5 มีนาคมนี้ เพื่อให้หน่วยงานนำไปใช้ และประกาศลงเว็บไซต์สถาบันคุรุพัฒนา (www.kurupatana.ac.th) ต่อไป

หลักสูตรพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาในปีนี้ จะเน้นในเรื่องของคุณภาพ และมีความเข้มข้นตั้งแต่ขั้นตอนคัดเลือกหลักสูตร ที่จะเปิดกว้างหลักสูตรจากทั้งหน่วยงานราชการ เอกชน และอื่น ๆ ส่วนหลักสูตรที่เป็นเทคนิคการสอนต่าง ๆ (Active Learning) จะปรับปรุงให้บูรณาการเนื้อหาวิชากับศาสตร์วิชาชีพครูมากขึ้น จะแยกเทคนิคการสอนกับเนื้อหาวิชาเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ และวิทยากรต้องมีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาด้วย รวมทั้งการรับสมัครครูเข้ารับการอบรมก็ต้องมีความเข้มข้นมากขึ้น

นพ.ธีระเกียรติ กล่าวด้วยว่า การอบรมและพัฒนาครูนั้น สิ่งสำคัญคือ ต้องอบรมอยู่บนพื้นฐานของเนื้อหาวิชาและเทคโนโลยีอย่างเข้มข้น โดยยึดถือเรื่องคุณภาพเป็นที่ตั้ง มีการแข่งขันอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of interest) ซึ่งหากพิจารณาแล้วมีหลักสูตรที่ผ่านการคัดเลือกเพียงไม่กี่หลักสูตร ก็ต้องยอมรับ เพื่อให้ได้คุณภาพจริง ๆ และเกิดการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า แม้จะมีงบประมาณสำหรับอบรมจำนวนมาก ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมด เพราะขณะนี้ต้องการจะรักษามาตรฐานให้สูงไว้ พร้อมขอให้ช่วยกันเป็นปากเป็นเสียงชี้แจงแนวคิดเรื่องคุณภาพให้แก่ครู และสะท้อนถึงหลักสูตรต่าง ๆ เพื่อพัฒนาการอบรมในปีต่อไปให้ดียิ่งขึ้น

หวังว่าการดำเนินงานครั้งนี้จะเป็นจุดกำเนิด "ราชวิทยาลัยครู" ในอนาคต เช่นเดียวกับวิชาชีพแพทย์ เพื่อเป็นแหล่งวิชาการในการพัฒนาครูทั้งประเทศต่อไป