Home / ข่าวประชาสัมพันธ์ / ความร่วมมือขับเคลื่อนนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” กับ สสส.

ความร่วมมือขับเคลื่อนนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” กับ สสส.

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประชุมหารือกับนายสุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เกี่ยวกับความร่วมมือขับเคลื่อนนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เมื่อวันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม 2559 ณ ห้องประชุมจันทรเกษม โดยมีนายบุญรักษ์ ยอดเพชร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมหารือ

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการมีความยินดีอย่างยิ่งที่ สสส. ให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ซึ่งเป็นนโยบายหลักของกระทรวงศึกษาธิการ โดยกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพของ สสส. จะสอดคล้องกับ 4 H (Head, Heart, Hand, Health) ของกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาทักษะด้านร่างกายและสุขภาพ (Health)

กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ นอกเหนือจากตำราเรียน เพราะหากเปรียบเทียบกับการเรียนของเด็กในต่างประเทศแล้ว จะพบว่าเด็กในต่างประเทศจะใช้เวลาเรียนในห้องเรียนประมาณครึ่งวัน หลังจากนั้นจะได้ทำกิจกรรมนอกห้องเรียนร่วมกับครอบครัวหรือเพื่อน ๆ แต่ครอบครัวไทยกลับมองว่าการไปโรงเรียนคือการนำลูกไปฝากที่โรงเรียน การมีกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ จะทำให้เด็กเลิกเรียนเร็วขึ้นแล้วผู้ปกครองไม่มีเวลาดูแลลูก สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงแนวคิดและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของคนไทยและชาวต่างชาติ

อีกสิ่งหนึ่งที่กระทรวงศึกษาธิการต้องคำนึงถึงในการจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ คือ การนำตัวชี้วัดมาสอดแทรกในกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ยกตัวอย่างเช่น กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ในลักษณะเดียวกัน เมื่อนำมาใช้กับนักเรียนในแต่ละช่วงชั้นจะมีตัวชี้วัดกิจกรรมแตกต่างกัน

การหารือครั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้ขอความร่วมมือ สสส. ช่วยจัดทำคู่มือการทำกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพดังกล่าวให้กับข้าราชการครู พร้อมทั้งขอให้ระบุว่ากิจกรรมเหล่านั้น จะเสริมสร้างและพัฒนาทักษะของเด็กนักเรียนในด้านใด ซึ่งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กนักเรียนเป็นสำคัญ โดยมอบให้ สพฐ. วิเคราะห์กิจกรรมฯ ร่วมกับ สสส. และจะนำไปข้อมูลไปหารือกระทรวงสาธารณสุขเพื่อหาแนวทางการดำเนินการร่วมกันต่อไป

นายสุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า จากการที่กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้นอกห้องเรียนและเข้าร่วมกิจกรรมตามความสนใจและความถนัดของตน ทำให้เด็กรู้จักคิดและปฏิบัติมากกว่าการท่องจำ สสส. จึงมีแนวทางที่จะนำโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพมาประยุกต์ใช้กับกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โดยมีโปรแกรมที่พร้อมใช้งาน อาทิ หลักสูตรส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกาย, หลักสูตรโพธิสัตว์น้อย ลูกขอพ่อแม่เลิกเหล้า, หลักสูตรโรงเรียนปลอดบุหรี่ เป็นต้น

สำหรับกรอบการดำเนินงานร่วมกันภายหลังจากการหารือครั้งนี้ สสส.จะพัฒนาชุดกิจกรรมและเมนูต่าง ๆ ในการสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการสามารถนำชุดกิจกรรมไปขยายผลให้โรงเรียนที่เข้าร่วมนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ได้ จากนั้นโรงเรียนควรจัดให้มีการติดตามประเมินผล โดย สสส. พร้อมจะสนับสนุนงานเชิงวิชาการและคู่มือต่าง ๆ โดยมีเครือข่ายศูนย์เรียนรู้ต้นแบบโรงเรียนสุขภาวะร่วมดำเนินการ รวมทั้งมีแนวทางที่จะสื่อสารให้สาธารณชนได้รับทราบด้วยการจัดทำสื่อรณรงค์ด้านการส่งเสริมสุขภาพด้วย

ภายหลังการประชุมหารือร่วมกัน รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และผู้จัดการ สสส.ได้เยี่ยมชมสถานที่อบรมหลักสูตรระยะสั้นวิชาการย้อมผ้าด้วยสีสังเคราะห์ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เขตดุสิต


รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยกับสื่อมวลชนภายหลังการเยี่ยมชมว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สำนักงาน กศน.) เร่งรัดเปิดบริการย้อมผ้าด้วยสีสังเคราะห์ให้กับประชาชนทั่วประเทศโดยเร็วที่สุด เพื่อให้บริการประชาชนที่มีความประสงค์สวมใส่เสื้อผ้าสีดำเพื่อถวายอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการทั่วประเทศได้อย่างช้าในวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2559 นี้ จึงขอให้พี่น้องประชาชนโปรดรอรับบริการของ สำนักงาน กศน. กระทรวงศึกษาธิการ อีกทั้งได้เน้นย้ำเรื่องคุณภาพการย้อมสีเสื้อผ้าของประชาชนเพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการได้รับความพึงพอใจ ทั้งนี้ ขอความกรุณาพี่น้องประชาชนที่จะนำผ้ามาย้อม โดยขอให้นำผ้ามาย้อมตามจำนวนที่เหมาะสม กระทรวงศึกษาธิการยินดีให้บริการเพราะคิดว่านาทีนี้คงไม่มีพี่น้องประชาชนคนใดจะใช้โอกาสแบบนี้นำผ้าที่ย้อมสีแล้วไปขายต่อ ส่วนเรื่องการทำริบบิ้นสีดำ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เตรียมการและจัดทำริบบิ้นสีดำเพื่อแจกให้กับประชาชนแล้ว

นอกจากนี้ ได้แนะนำให้สำนักงาน กศน. ย้ายสถานที่ตั้งจุดรับย้อมผ้าไปบริเวณด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการและเตรียมการป้องกันหากฝนตก พร้อมทั้งกำชับให้มีระบบการดูแลเสื้อผ้าที่ประชาชนนำมาฝากไว้เพื่อย้อมสี ตลอดจนมอบหมายให้เพิ่มจำนวนหม้อต้มที่ใช้ในการย้อมสี โดยขั้นต่ำต้องมีประมาณ 10 หม้อ ส่วนประชาชนที่ต้องการเรียนวิชาการย้อมสีผ้า สำนักงาน กศน. ได้จัดเจ้าหน้าที่ไว้ทำการสอนย้อมผ้าแล้ว

สำหรับโรงครัวของกระทรวงศึกษาธิการจะเปิดให้บริการประชาชนพรุ่งนี้ (18 ตุลาคม) ที่บริเวณท้องสนามหลวง เบื้องต้นคาดว่าโรงครัวของกระทรวงศึกษาธิการจะจัดทำอาหารได้ประมาณ 3,000 กล่องต่อวัน โดยเน้นเรื่องความสะอาด ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดที่จัดขึ้นเป็นที่น่าชื่นใจที่ทุกส่วนราชการพร้อมใจกันให้บริการประชาชน จากนี้ไปหากพบว่ามีแนวทางอื่นที่สามารถให้บริการประชาชนได้กระทรวงศึกษาธิการก็จะเตรียมดำเนินการต่อไป