Home / ข่าวประชาสัมพันธ์ / ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 438/2559 รมว.ศธ.ตรวจเยี่ยม-รับฟังแผนดำเนินงานปีงบประมาณ 2560 ของสำนักงาน ก.ค.ศ.

ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 438/2559 รมว.ศธ.ตรวจเยี่ยม-รับฟังแผนดำเนินงานปีงบประมาณ 2560 ของสำนักงาน ก.ค.ศ.

wu6a1771

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รับฟังแผนการดำเนินงานปีงบประมาณ 2560 ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พร้อมกล่าวขอบคุณสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ได้ปรับตัวการทำงานตามกฎหมายใหม่ได้รวดเร็ว และขอให้ช่วยอุดช่องว่างที่อาจเกิดขึ้นได้ เผยปัญหาการคัดลอกผลงาน จึงขอให้นำโปรแกรมตรวจสอบการคัดลอกผลงานมาใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการคัดลอกผลงานของผู้อื่นในการประเมินวิทยฐานะสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

เมื่อวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2559 ณ ห้องประชุมสำนักงาน ก.ค.ศ., พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย พล.ต.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ตรวจเยี่ยมและรับฟังแผนการดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ.2560 ของสำนักงาน ก.ค.ศ. โดยมีนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. ได้นำเสนอผลการดำเนินงานปีงบประมาณที่ผ่านมา และแนวทางการดำเนินงานของสำนักงาน ก.ค.ศ. ในปีงบประมาณ พ.ศ.2560 โดยสรุปดังนี้

สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้กำหนดวิสัยทัศน์ของหน่วยงาน "สำนักงาน ก.ค.ศ.เป็นองค์กรที่มีศักยภาพสูงในการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อส่งเสริมคุณภาพการศึกษา" โดยดำเนินงานในรูปขององค์คณะ เรียกว่า "คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.)" มีคณะกรรมการรวมทั้งสิ้น 31 คน โดยมีกลไกในการบริหารงานบุคคลแยกเป็น อ.ก.ค.ศ.วิสามัญฯ 11 คณะ, อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเฉพาะกิจฯ, อ.ก.ค.ศ.ส่วนราชการ 3 คณะ, คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) 76 คณะ

สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้กำหนด 5 ยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ.2560 คือ 1) การพัฒนาองค์กรและจัดระบบบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ 2) การจัดและพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลตามหลักธรรมาภิบาลและมุ่งเน้นการกระจายอำนาจ 3) การเสริมสร้างประสิทธิภาพ ค่าตอบแทน และสิทธิประโยชน์เกื้อกูล 4) การเสริมสร้างและพัฒนากลไกเครือข่ายการบริหารงานบุคคล 5) การใช้งานวิจัย นวัตกรรม และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นฐานในการพัฒนาระบบบริหารงานบุคคล

สำนักงาน ก.ค.ศ.มีโครงสร้างและอัตรากำลังรวมทั้งสิ้น 284 อัตรา ได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณนี้จำนวนทั้งสิ้น 305.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณที่ผ่านมา 22.2 ล้านบาท เพื่อกำหนดเป็นแผนการดำเนินงานที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ตามประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 6 คือ พัฒนาระบบการผลิต สรรหา และพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (จุดเน้นที่ 2 ครู)

โดยมีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญในปีงบประมาณ 2560 ดังนี้

  • การแก้ไขกฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง คือ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ, พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ, พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา, พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา, กฎ ก.ค.ศ., ระเบียบ ก.ค.ศ., หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา, มาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

  • การปรับปรุงหลักเกณฑ์และแนวทางการเลื่อนไหลตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยจะกำหนดให้ผู้ที่จะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารโรงเรียน ต้องเริ่มต้นในโรงเรียนขนาดเล็กก่อน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นครู/ศึกษานิเทศก์ที่มีประสบการณ์ช่วยบริหารอย่างน้อย 2 ปี หรือเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนอย่างน้อย 4 ปี และทำงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 8, 10, 12 ปี ในระดับปริญญาเอก ปริญญาโท และปริญญาตรี ตามลำดับ

  • การปรับปรุงหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะและการคงวิทยฐานะ คือ 13/2556 (ผลงานดีเด่นเชิงประจักษ์), 17/2552 (หลักเกณฑ์ฯ มีและเลื่อนวิทยฐานะ), 10/2554 (สำหรับวิทยฐานะชำนาญการและวิทยฐานะชำนาญการพิเศษในพื้นที่ จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา (เฉพาะ 4 อำเภอ)) ซึ่งเน้นไปที่การประเมินวิทยฐานะและการคงวิทยฐานะตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) ที่จะกำหนดให้มีการประเมินดำรงวิทยฐานะ (มาตรา 55) โดยจะให้ผู้บังคับบัญชาประเมินทุกปีใน 2 ด้าน คือ วินัยและคุณธรรม และการพัฒนางานตามข้อตกลง (PA1) หากไม่ผ่านการประเมินครั้งแรก จะให้พัฒนาตนเองก่อน แต่หากครั้งที่ 2 ไม่ผ่าน ให้งดเงินวิทยฐานะ, ครั้งที่ 3 ให้งดเลื่อนเงินเดือน และครั้งที่ 4 ให้ออกจากราชการ ตามมาตรา 110 (6)

  • การกำหนดแนวทางเกลี่ยอัตรากำลังครูและผู้บริหาร  โดยมีหลักการคือ หากเป็นการเกลี่ยอัตรากำลังภายใน กศจ. ให้เป็นอำนาจของ กศจ.นั้นๆ แต่หากข้าม กศจ. ให้เป็นอำนาจของ สพฐ. (ซึ่ง รมว.ศึกษาธิการ เห็นว่าต้องการให้ศึกษาธิการภาค มีอำนาจในการดูแลการเกลี่ยอัตรากำลังในระดับภาค แต่หากข้ามภาค จึงจะให้ ก.ค.ศ.ดำเนินการเพื่อเป็นการกระจายอำนาจ โดยมอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปกำหนดให้การพิจารณาอนุมัติจะต้องเป็นไปโดยความเห็นชอบของศึกษาธิการภาคด้วย)

  • การติดตามเร่งรัดการดำเนินการทางวินัยที่สำคัญ  จากข้อมูล ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2559 มีสำนวนเรื่องกรณีดำเนินการทางวินัยจำนวนทั้งสิ้น 217 เรื่อง แยกเป็นระหว่างดำเนินการ 174 เรื่อง อยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข 19 เรื่อง และพร้อมเข้าวาระการประชุม อ.ก.ค.ศ. 24 เรื่อง (รมว.ศึกษาธิการ ขอให้จัดระบบ ประเภทหรือลักษณะคดีที่ดำเนินการให้ชัดเจนว่าควรใช้ระยะเวลาเท่าใด เพื่อให้เรื่องต่าง ๆ ที่ดำเนินการ สามารถสิ้นสุดการดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด และขอให้หารือร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ในการลดภาระการดำเนินงานทางวินัยทั้งระบบ เพื่ออุดช่องว่างต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น เจตนาช่วยเหลือกัน เปิดช่อง ซื้อเวลาจนเกษียณอายุราชการ ฯลฯ)

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ก.ค.ศ.ที่ปรับตัวการทำงานตามกฎหมายใหม่ที่เกิดขึ้นในปีนี้ได้อย่างรวดเร็ว ขอให้ทุกคนช่วยกันทำงานเพื่ออุดช่องว่างต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ควรวาดภาพการทำงานโดยให้มองไปข้างหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้มีการร้องเรียนเกิดขึ้น ส่วนประเด็นปัญหาการคัดลอกผลงานของผู้อื่นเพื่อใช้ในการประเมินเพื่อเลื่อนวิทยฐานะนั้น ขอให้นำโปรแกรมการตรวจสอบการคัดลอกผลงานทางวิชาการมาใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาใช้ในการประเมินวิทยฐานะสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

"สำนักงาน ก.ค.ศ. เป็นหน่วยงานแรกที่ รมว.ศึกษาธิการ ได้ตรวจเยี่ยมและรับฟังแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ซึ่งคาดว่าจะตรวจเยี่ยมและรับฟังแนวทางการดำเนินงานได้ครบทุกหน่วยงานในส่วนกลาง ภายในเดือนตุลาคมนี้"


บัลลังก์ โรหิตเสถียร : สรุป/รายงาน
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี : ถ่ายภาพ
19/10/2559