รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เมื่อวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2559 ณ ห้องประชุมสำนักงาน ก.ค.ศ., พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย พล.ต.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ตรวจเยี่ยมและรับฟังแผนการดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ.2560 ของสำนักงาน ก.ค.ศ. โดยมี
สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้
-
การแก้ไขกฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง คือ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ, พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ, พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา, พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา, กฎ ก.ค.ศ., ระเบียบ ก.ค.ศ., หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา , มาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา -
การปรับปรุงหลักเกณฑ์และแนวทางการเลื่อนไหลตำแหน่งของ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยจะกำหนดให้ผู้ที่จะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารโรงเรียน ต้องเริ่มต้นในโรงเรียนขนาดเล็กก่อน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นครู /ศึกษานิเทศก์ที่มีประสบการณ์ช่วยบริหารอย่างน้อย 2 ปี หรือเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนอย่างน้อย 4 ปี และทำงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 8, 10, 12 ปี ในระดับปริญญาเอก ปริญญาโท และปริญญาตรี ตามลำดับ -
การปรับปรุงหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะและการคงวิทยฐานะ คือ ว13/2556 (ผลงานดีเด่นเชิงประจักษ์), ว17/2552 (หลักเกณฑ์ฯ มีและเลื่อนวิทยฐานะ), ว10/2554 (สำหรับวิทยฐานะชำนาญการและวิทยฐานะชำนาญการพิเศษในพื้นที่ จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา (เฉพาะ 4 อำเภอ)) ซึ่งเน้นไปที่ การประเมินวิทยฐานะและการคงวิทยฐานะตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) ที่จะกำหนดให้มีการประเมินดำรงวิทยฐานะ (มาตรา 55) โดยจะให้ผู้บังคับบัญชาประเมินทุกปีใน 2 ด้าน คือ วินัยและคุณธรรม และการพัฒนางานตามข้อตกลง (PA1) หากไม่ผ่านการประเมินครั้งแรก จะให้พัฒนาตนเองก่อน แต่หากครั้งที่ 2 ไม่ผ่าน ให้งดเงินวิทยฐานะ, ครั้งที่ 3 ให้งดเลื่อนเงินเดือน และครั้งที่ 4 ให้ออกจากราชการ ตามมาตรา 110 (6) -
การกำหนดแนวทางเกลี่ยอัตรากำลังครูและผู้บริหาร โดยมีหลักการคือ หากเป็นการเกลี่ยอัตรากำลังภายใน กศจ. ให้เป็นอำนาจของ กศจ.นั้นๆ แต่หากข้าม กศจ. ให้เป็นอำนาจของ สพฐ. (ซึ่ง รมว.ศึกษาธิการ เห็นว่าต้องการให้ศึกษาธิการภาค มีอำนาจในการดูแลการเกลี่ยอัตรากำลังในระดับภาค แต่หากข้ามภาค จึงจะให้ ก.ค.ศ.ดำเนินการเพื่อเป็นการกระจายอำนาจ โดยมอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปกำหนดให้การพิจารณาอนุมัติจะต้องเป็นไปโดยความเห็นชอบของศึกษาธิการภาคด้วย) -
การติดตามเร่งรัดการดำเนินการทางวินัยที่สำคัญ จากข้อมูล ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2559 มีสำนวนเรื่องกรณีดำเนินการทางวินัยจำนวนทั้งสิ้น 217 เรื่อง แยกเป็นระหว่างดำเนินการ 174 เรื่อง อยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข 19 เรื่อง และพร้อมเข้าวาระการประชุม อ.ก.ค.ศ. 24 เรื่อง (รมว.ศึกษาธิการ ขอให้จัดระบบ ประเภทหรือลักษณะคดีที่ดำเนินการให้ชัดเจนว่าควรใช้ระยะเวลาเท่าใด เพื่อให้เรื่องต่าง ๆ ที่ดำเนินการ สามารถสิ้นสุดการดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด และขอให้หารือร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ในการลดภาระการดำเนินงานทางวินัยทั้งระบบ เพื่ออุดช่องว่างต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น เจตนาช่วยเหลือกัน เปิดช่อง ซื้อเวลาจนเกษียณอายุราชการ ฯลฯ)
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ก.ค.ศ.ที่ปรับตัว
"สำนักงาน ก.ค.ศ. เป็นหน่วยงานแรกที่ รมว.ศึกษาธิการ ได้ตรวจเยี่ยมและรับฟังแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ซึ่งคาดว่าจะตรวจเยี่ยมและรับฟังแนวทางการดำเนินงานได้ครบทุกหน่วยงานในส่วนกลาง ภายในเดือนตุลาคมนี้"
บัลลังก์ โรหิตเสถียร : สรุป/รายงาน
19/10/2559