Home / ข่าวประชาสัมพันธ์ / ศธ.ร่วมกับ C.P.Group จัดอบรมโครงการเสริมสร้างศักยภาพการทำงานเป็นทีม “รวมพลังสร้างสรรค์ทีม” (The Synergy Teamwork) กลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาและทีมงาน ครั้งที่ 3

ศธ.ร่วมกับ C.P.Group จัดอบรมโครงการเสริมสร้างศักยภาพการทำงานเป็นทีม “รวมพลังสร้างสรรค์ทีม” (The Synergy Teamwork) กลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาและทีมงาน ครั้งที่ 3

กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (C.P.Group) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการกลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาและทีมงาน ครั้งที่ 3 ตามโครงการเสริมสร้างศักยภาพการทำงานเป็นทีม “รวมพลังสร้างสรรค์ทีม” (The Synergy Teamwork for education: Transformation Ministry of Education in collaboration with C.P. Group) ภายใต้คอนเซ็ปท์ "MOE One Team" เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการทำงานเป็นทีมให้เกิดพลังขององค์กร (Synergy) รวมทั้งเพื่อพัฒนาทักษะการสร้างทีมงานที่มีประสิทธิผล (Effective Team Building Skill) ตลอดจนทักษะภาวะผู้นำที่จำเป็นสำหรับผู้บริหารในศตวรรษที่ 21 (Essential Leadership Skills in the 21st Century) โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน/ครูวิชาการ และครู ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าอบรมในรุ่นนี้ 20 Cluster แยกเป็นส่วนกลาง/18 เขตตรวจราชการ/การศึกษาพิเศษ จำนวน 60 คน พร้อมทั้งคณะทำงาน (Observer) จำนวน 37 คน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-23 เมษายน 2560 ณ สถาบันพัฒนาผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ (C.P.Leadership Institute หรือ CPLI) อำเภอปากช่อง

เมื่อวันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2560 เวลา 9.00 น.  นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นประธานพิธีเปิดในครั้งนี้ กล่าวตอนหนึ่งว่า ทุกท่านที่เข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการกลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาและทีมงาน ครั้งที่ 3ถือว่าเป็นผู้โชคดี เพราะ 60 ชีวิต ทั้ง 20 โรงเรียนที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้ คือ "ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง" ซึ่งหลักสูตรอบรมจะเน้นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงให้ได้มากที่สุด ให้ดีที่สุด

โดยการเป็นผู้นำของการเปลี่ยนแปลงจะต้องเริ่มจากการยกระดับพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในขณะนี้ เพราะเด็กนักเรียนของเรามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยไม่ถึง 50% รวมทั้งคะแนนผลสอบ O-NET วิชาภาษาไทย แม้จะได้เพิ่มขึ้นเป็น 53% แต่วิชาคณิตศาสตร์กับวิทยาศาสตร์กลับลดลงไปอีก 3% รวมถึงผลการทดสอบ PISA (Programme for International Student Assessment) ของเราอยู่ในลำดับที่ 47 ของโลก ดังนั้น เราจึงต้องร่วมมือกันภายในองค์กรและสถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการโรงเรียน และครู ต้องปรับระบบการเรียน เปลี่ยนการสอน ให้เกิดการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง โดยเริ่มต้นพัฒนาการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย รวมทั้งเร่งรัดพัฒนาครูและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

ทั้งนี้ ขอฝากให้ช่วยกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยหน้าที่หลักของเราในขณะนี้คือ "การสร้างความมั่นคงของชาติในเรื่องของการปรองดอง ความสามัคคี" ที่จะต้องจัดการเรียนการสอนอย่างไรให้เด็กรู้ความเป็นมาและประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยเราจะต้องสร้างรากฐานความมั่นคงของประเทศชาติที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นแกนกลางให้ได้ รวมถึงการดำรงไว้ซึ่งความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายการเร่งรัดการปฏิรูปครู ที่จะมีการพัฒนาครูผู้สอนกว่า 400,000 คน โดยให้มีการสนับสนุนคูปองเพื่อการพัฒนาศักยภาพครูท่านละ 10,000 บาท ให้เลือกอบรมตามหลักสูตรที่เป็นประโยชน์ต่อเด็กมากที่สุด โดยจะมีหลักสูตรให้เลือกมากกว่า 1,000 หลักสูตรในเวลานี้ เพื่อนำไปจัดการเรียนการสอนและนำไปพัฒนาเด็กให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงขอฝากครูให้เลือกหลักสูตรใหม่ที่จะนำมาพัฒนาให้เหมาะสมสำหรับเด็กนักเรียนให้มากที่สุด

สำหรับเรื่องของการประกันคุณภาพนั้น เราจะใช้โรงเรียนเป็นฐานในการดำเนินการประกันคุณภาพ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะมีหน้าที่ในการกำหนดมาตรฐานกลางเอง แต่จะกำหนดตามที่โรงเรียนแจ้งมาว่าจะกำหนดการประกันคุณภาพอย่างไรบ้าง โดยท่านจะต้องแจ้งว่าแต่ละโรงเรียนต้องการประกันคุณภาพอยู่ในระดับใด พร้อมทั้งมีหลักฐานเอกสารหลายด้านที่จะประกอบการกำหนดการประกันคุณภาพ เช่น คะแนน O-NET สุขภาพเด็กนักเรียน อาหารการกิน ระเบียบวินัยของเด็กนักเรียน เป็นต้น

เรื่องสำคัญอีกเรื่องคือ "ร่วมการสร้างอุดมการณ์ ร่วมมือกันทลายไซโล" เพราะหากเรายังคงมีการแบ่งเป็นฝักฝ่ายภายในโรงเรียนหรือองค์กรมีความแตกแยกภายในอยู่ ก็จะไม่สามารถทลายไซโลได้ เราจึงต้องเป็นพวกเดียวกัน ต้องทำงานร่วมกันเป็นทีม ร่วมมือกัน เพราะประเทศไทยติดกับดักความแตกแยกมานาน เราจึงต้องช่วยกันแก้ปัญหานี้ให้ได้ โดยขอให้เราพยายามนึกถึงว่าเป้าหมายของเราเป็นเป้าหมายเดียวกันนั่นคือเด็กนักเรียน ซึ่งเด็กนักเรียนรอการเติมเต็มจากพวกเราอยู่ เราจึงต้องร่วมมือกันเพื่อที่จะให้เด็กนักเรียนก้าวไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมั่นคง

อีกเรื่องที่สำคัญซึ่งนายการุณ ได้ฝากให้ผู้เข้าอบรมดำเนินการ คือ "การพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ หรือ  Professional Learning Community (PLC)" โดยขอให้ผู้เข้าอบรมทั้ง 20 โรงเรียนนำไปต่อยอดให้เพื่อนครูภายในโรงเรียนและโรงเรียนอื่น ๆ ในเขตพื้นที่การศึกษา ให้ไปแชร์ความคิดเห็น แชร์ปัญหากันในโรงเรียน และแชร์แนวทางการช่วยเหลือกันระหว่างโรงเรียนภายในเขตพื้นที่การศึกษา หากทุกโรงเรียนสามารถสร้างสังคมทางการเรียนรู้ได้เช่นนี้ การศึกษาของไทยจะก้าวพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว

อนึ่ง ภายหลังพิธีเปิด ผู้เข้ารับการอบรมได้จัดพิธีรดน้ำขอพรเนื่องในประเพณีสงกรานต์ จากนายการุณ สกุลประดิษฐ์ และผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ และคณะวิทยากรฝึกอบรม ณ ห้องโถงกลาง CPLI  เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความเคารพนบนอบต่อผู้ใหญ่ ผู้ที่เคารพนับถือ ผู้มีพระคุณ พร้อมกับขอขมาและขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง และเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานต่อไป