"ธีระเกียรติ
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ บรรยายพิเศษในการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อมผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ปี พ.ศ.2560
1)
ปี พ.ศ.2543 (ค.ศ.2000) เป็นปีที่ประเทศไทยเริ่มมีการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ของประเทศ และเป็นปีที่ไทยเข้าร่วม PISA ซึ่งผลคะแนนของการทดสอบ PISA ทุก ๆ 30 คะแนนที่ห่างจากค่าเฉลี่ย PISA จะเท่ากับ 1 ปีการศึกษา นั่นก็คือผลสอบปีล่าสุด พบว่าเด็กไทย
ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์กลุ่มโรงเรียนที่เข้ารับการทดสอบ PISA ของไทย พบว่าโรงเรียนสังกัด กทม. ได้คะแนนต่ำที่สุด ถัดมาตามลำดับคือ อบต./อบจ.,โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา, โรงเรียนเอกชน, โรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วไป, โรงเรียนสาธิต จนถึงกลุ่มที่ได้คะแนนสูงที่สุดซึ่งเป็นกลุ่มโรงเรียนชั้นนำ เช่น เตรียมอุดมศึกษา สวนกุหลาบวิทยาลัย หรือกลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์ คือ จุฬาภรณราชวิทยาลัย และมหิดลวิทยานุสรณ์, ส่วนคะแนนการสอบของโรงเรียนขยายโอกาสฯ ทำให้เห็นว่าไม่ได้มีคุณภาพต่ำไปกว่าโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วไป แต่ที่ต้องให้ความสนใจที่จะต้องดูแล คือ โรงเรียนเอกชน เพราะรับผิดชอบดูแลเด็กนักเรียนกว่า 2 ล้านคน ถัดมาคือ กทม. ซึ่งมีคะแนนไม่ถึง 400
สิ่งเหล่านี้ เป็นความจำเป็นที่กระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อการศึกษาปฏิรูปการศึกษา ได้ให้ความสนใจวิเคราะห์เพื่อนำไปแก้ปัญหาใน 2 เรื่องหลัก คือ "คุณภาพการศึกษา" และ "ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา" เพื่อต้องการยกระดับเส้นล่างสุดของคะแนนสอบ PISA ให้ขึ้นมา ให้อุณหภูมิทางการศึกษาสูงขึ้น ในขณะที่โรงเรียนชั้นนำ เช่น มหิดลวิทยานุสรณ์ ซึ่งสูงติดอันดับต้นของโลก ก็ไม่น่าห่วงเรื่องเหล่านี้
ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนา และการจัดสรรทรัพยากรให้แก่โรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลและอยู่ในระดับล่างสุด แต่ในขณะเดียวผลการวิเคราะห์ยังพบว่า "จนแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีผลการเรียนตามความยากจน" ซึ่งตัวอย่างที่ดีคือประเทศเวียดนามที่ได้อันดับ PISA ติดอันดับต้นของโลก เพราะเด็กยากจนที่สุดของเวียดนามสามารถเอาชนะเด็กที่มีความพร้อมหรือเด็กรวยที่สุดของ OECD ที่อยู่ในกลุ่มประเทศยุโรปได้ ทำให้เห็นบทเรียนสำคัญของเวียดนามที่ทำให้ประสบความสำเร็จ คือ การส่งเสริมให้เด็กอยากที่จะเรียนหนังสือ (Mindset) เพราะสถิติพบว่าเด็กเวียดนามตื่นเต้นกับการเรียนหนังสืออยู่ตลอดเวลา โดยในจำนวนเด็ก 100 คนจะพบเด็กอยากเรียนหนังสือมากถึง 77 คน ส่วนเด็กไทยที่อยากเรียนหนังสือใน 100 คนจะพบเพียง 18 คน หากเราปล่อยไปแบบนี้ เวียดนามก็จะห่างจากเราไปเรื่อย ๆ
รัฐบาลจึงได้มีโครงการ
2) การดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี
กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ภายใต้วิสัยทัศน์ “ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยมียุทธศาสตร์ด้านการศึกษาที่ดำเนินการ 6 ด้าน คือ
1) ความมั่นคง ตัวอย่างคือ กิจกรรมในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ กำกับดูแลและลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ หากในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ไม่สงบก็จะส่งผลถึงคุณภาพการศึกษา หรือการฟื้นฟูการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ชาติไทย ก็เป็นเรื่องของการจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง
2) การสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยส่งเสริมให้มีคนไทยมีความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศได้ อาทิ การส่งเสริมด้านภาษาอังกฤษ หรือการอาชีวศึกษาแนวใหม่ที่มีความร่วมมือกับภาคเอกชน ซึ่งจะทำให้การอาชีวศึกษาของไทยมีความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศมากขึ้น ก็ถือเป็นตัวอย่างกิจกรรมโครงการของยุทธศาสตร์ด้านนี้
3) การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะการลงทุนกับเด็กเล็กในระดับ Pre-school เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นการลงทุนที่ได้ผลมากที่สุด รวมถึงการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ (Human Capital) อีกด้วย
4) การสร้างโอกาสความเสมอภาคและการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม อาทิ ผลการประเมินการทดสอบ PISA ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเป็นตัวอย่างของความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระหว่างโรงเรียนที่มีความพร้อมกับโรงเรียนในชนบทที่ยังขาดการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ จึงต้องกลับไปพิจารณาว่าโรงเรียนเหล่านั้นยังขาดอะไรบ้าง เช่น ขาดครูกี่คน มีครูครบชั้นหรือไม่ ครูสอนไม่ตรงสาขา เป็นต้น เพื่อทำการสนับสนุนและแก้ปัญหาได้ตรงจุด
5) การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีหลากหลายโครงการที่สำคัญ อาทิ โครงการเศรษฐกิจพอเพียง นโยบายโรงเรียนคุณธรรม เป็นต้น
6) การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ โดยกลไกสำคัญที่สุดคือ ปฏิรูประบบบริหารราชการ หรือการใช้มาตรา 44 ในการดำเนินการด้านต่าง ๆ ของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) เพื่อปรับปรุงระบบบริหารราชการให้ภูมิภาคมีความเข้มแข็งมากขึ้น
3) น้อมนำ
กระทรวงศึกษาธิการได้น้อมนำแนวพระราชดำริ และพระบรมราโชบายด้านการศึกษา ของพระบาทสมเด็จ
สำหรับการ
ประการสำคัญที่พระองค์ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท คือ วันที่ 5 กรกฎาคม 2555 ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชกระแสฯ เกี่ยวกับปัญหาที่ครูมุ่งเขียนวิทยานิพนธ์เพื่อให้ได้ตำแหน่งและเงินเดือนสูงขึ้น ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้นำมาเป็นแนวทางในการปรับปรุงหลักเกณฑ์ใหม่ในการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ ที่ไม่เน้นให้ครูมุ่งเน้นไปที่การจัดทำเอกสารทางวิชาการ งานวิจัย หรือการเขียนวิทยานิพนธ์มาเสนอ แต่ระบบใหม่จะเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เพื่อให้ครูที่สอนเก่ง สอนดี สอนมาก โดยพิจารณาทั้งปริมาณการสอนและคุณภาพการสอน โดยจะประกาศใช้หลักเกณฑ์ประเมินวิทยฐานะครั้งใหม่ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2560
4) การดำเนินการตามนโยบาย Thailand 4.0
โลกได้มีการปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution) มาแล้ว 4 ครั้ง นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมระบบกลไก (Mechanical) ครั้งที่ 2 เป็น
สำหรับนโยบาย Thailand 4.0 คือ โมเดลในการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่แตกต่างกันที่กลุ่มการลงทุนหลักของประเทศในขณะนั้น โดยเริ่มต้นที่ Thailand 1.0 ซึ่งรัฐบาลเน้นการลงทุนทางภาคเกษตรกรรม ส่วน Thailand 2.0 มุ่งเน้นอุตสาหกรรมเบา และมีการใช้แรงงานจำนวนมากแทน จนถึงยุคปัจจุบันคือ Thailand 3.0 ซึ่งเป็นยุคของอุตสาหกรรมหนักและการส่งออก มีการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น เน้นเรื่องชิ้นส่วนยานยนต์ แผงวงจรไฟฟ้าที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น มีการไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น แต่จนถึงปัจจุบันรัฐบาลเห็นว่าสร้างรายได้ประเทศอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น ไม่สามารถหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และความไม่สมดุลในการพัฒนา ทำให้รัฐบาลเร่งพัฒนาปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและพื้นฐานเพื่อให้ก้าวข้ามจาก Thailand 3.0 ไปสู่ Thailand 4.0 ให้ได้ใน 3-5 ปีนี้
Thailand 4.0 จึงเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม โดยนำเอาความคิดสร้างสรรค์เป็นแรงผลักดัน และนำนวัตกรรมเข้ามาช่วย เปลี่ยนจากการผลิตสินค้าไปสู่การบริการมากขึ้นที่จะมีกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) เพิ่มเข้ามา
กระทรวงศึกษาธิการจึงมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศ ให้สังคมไทยเป็นสังคมที่สมดุล มีคุณภาพ มีการผลิตกำลังคนเพื่อสนองตอบความต้องการกำลังคน ทั้งสาขาวิชา First S-Curve และ New S-Curve รวมทั้งการน้อมนำศาสตร์พระราชาเข้าสู่การพัฒนา Thailand 4.0
กระทรวงศึกษาธิการ จึงเป็นหน่วยงานหนึ่งที่สำคัญต่อการ "สร้างคน" เพื่อขับเคลื่อน Thailand 4.0
การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ จึงเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้รับทราบแนวปฏิบัติต่าง ๆ ในระหว่างการเตรียมตัวและการเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะออกไปเป็นครูในพื้นที่ต่าง ๆ อันถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้บัณฑิตเมื่อจบแล้วกลับไปพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง. |
บัลลังก์ โรหิตเสถียร: สรุป/รายงาน
อิทธิพล รุ่งก่อน: ถ่ายภาพ
3/7/2560