ก.ค.ศ.เห็นชอบหลักการ ปรับปรุงหลักเกณฑ์สอบครูผู้ช่วย
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 13/2561 เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 ว่าที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สำคัญ ดังนี้
@ เห็นชอบหลักการ ให้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ
โดยมอบสำนักงาน ก.ค.ศ. ทบทวนกรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ซึ่งบัญญัติว่า
“ในกรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุผลพิเศษ ที่ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ไม่สามารถดำเนินการสอบแข่งขันได้ หรือการสอบแข่งขันอาจทำให้ไม่ได้บุคคลต้องตามประสงค์ของทางราชการ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาอาจเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยวิธีอื่นได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด” แล้วนำเสนออีกครั้งหนึ่ง
@ เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
-
หลักเกณฑ์และวิธีการนี้ จะพิจารณาช่วยเหลือเยียวยา พนักงาน หรือลูกจ้าง สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) หรือทายาทของข้าราชการ พนักงาน หรือ ลูกจ้าง สังกัด ศธ. หรือทายาทของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับผลกระทบกรณีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตอันเนื่องมาจากการสู้รบ ต่อสู้ ปราบปราม หรือถูกประทุษร้ายจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้งตำแหน่งครูผู้ช่วย และตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ส่วนการพิจารณาเป็นตำแหน่งอัตราจ้าง เป็นอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการ
-
ให้ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบครอบครัวละ 1 คน
-
ให้หน่วยงานของรัฐต้นสังกัด ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บทุพพลภาพ เป็นผู้สอบถามผู้ได้รับผลกระทบที่มีความพร้อมรับการบรรจุ และให้ผู้ได้รับผลกระทบ แจ้งความประสงค์ภายใน 6 เดือน กรณีเป็นทายาทของข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้าง สังกัด ศธ .แต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือคุณสมบัติยังไม่ครบถ้วน ให้ผู้ปกครองตามกฎหมายแจ้งสิทธิไว้ก่อน เมื่อบรรลุนิติภาวะและคุณสมบัติครบให้รายงานตัวเพื่อเข้ารับการคัดเลือกโดยเร็ว
-
ผู้ได้รับผลกระทบ ต้องไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิการบรรจุและแต่งตั้งตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ในหน่วยงานของรัฐมาก่อน
-
ให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณี ตั้งคณะกรรมการดำเนินการคัดเลือก เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
(1) ตรวจสอบคุณสมบัติ
(2) ตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
(3) ประเมินความเหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ โดยพิจารณาจากประวัติส่วนตัว ผลงาน ประวัติการศึกษา บุคลิกลักษณะ ท่วงทีวาจา ปฏิภาณไหวพริบ เจตคติ และอุดมการณ์ -
กรณีผู้ได้รับผลกระทบเป็นทายาทของหน่วยงานรัฐอื่น เมื่อสำนักงาน ก.พ. ประสานขอความช่วยเหลือไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือส่วนราชการแล้ว ให้เสนอ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณี พิจารณาก่อนเสนอขออนุมัติ ก.ค.ศ. ก่อนดำเนินการคัดเลือก
-
กรณีมีตำแหน่งว่างที่จะใช้บรรจุเพียงตำแหน่งเดียว ให้ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณี พิจารณาช่วยเหลือเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบสังกัด ศธ. ก่อน
-
หน่วยงานการศึกษาที่ผู้ได้รับผลกระทบขอรับการบรรจุ ต้องมีอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต่ำกว่าเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กำหนด โดยให้ยกเลิกการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.2/1529 ลงวันที่ 27 กันยายน 2549 ที่ ศธ 0206.2/462 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2550 และ ที่ ศธ 0206.5/ว 25 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2560
@ เห็นชอบให้เพิ่มเติมคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.6/ว 21 ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยเพิ่ม "ศึกษานิเทศก์ ที่เคยดำรงตำแหน่งครูชำนาญการ ให้เป็นผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกด้วย"
ที่มา http://www.moe.go.th/websm/2018/5/453.html