วิทยาลัยแพทยศาสตร์
ต้องยอมรับปัญหาและข้อเท็จจริง เพื่อนำไปสู่การกำหนดยุทธศาสตร์การทำงาน
รมว.ศึกษาธิการ บรรยายตอนหนึ่งว่า การพัฒนาประเทศให้ก้าวไปสู่ Thailand 4.0 นั้น สิ่งสำคัญคือเราทุกคนจำเป็นต้องหาปัญหาให้ลึกและชัดเจน ยอมรับข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้น มิฉะนั้นจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ เพราะเราจะไม่รู้ตัวเองว่าอยู่ตรงไหนที่จะก้าวต่อไป ซึ่งในการบริหารงานกระทรวงศึกษาธิการก็เช่นเดียวกัน ก่อนที่จะดำเนินการในเรื่องใดๆ ก็ตาม จำเป็นจะต้องให้ผู้คนทั้งกระทรวงเห็นสอดคล้องยอมรับกันก่อนที่จะดำเนินการเรื่องใดๆ ออกไป มิฉะนั้นจะเกิดการต่อต้าน
แนะหลักแก้ปัญหาในสภาวะวิกฤต
ทั้งนี้ หลักการแก้ปัญหาในสภาวะวิกฤต มี 2 ด้าน คือ ประการแรก ต้องสร้างให้คนในองค์กรรับทราบข้อเท็จจริงในสภาวะวิกฤตนั้นๆ ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการต่อต้านเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องใดๆ ประการที่สอง
ต้องยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้นของการศึกษาไทย
แนะให้ครูซึ่งเป็น
นอกจากประเด็นปัญหาของการศึกษาไทย (ตามภาพข้างต้น) แล้ว ในการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียนเมื่อเร็วๆ นี้ ก็เห็นพ้องกันว่า สภาพแวดล้อมทางการศึกษาของอาเซียนในปัจจุบัน "ห้องเรียน" ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 19, ส่วน "ครูผู้สอน" ผลิตมาจากหลักสูตร
เตรียมเกลี่ยอัตรากำลังครูทั้งประเทศ ในเดือนตุลาคมนี้
อีกประเด็นปัญหาที่สำคัญ คือ ภาพรวมอัตรากำลังครู ซึ่งขณะนี้อัตราครู สพป.
อย่างไรก็ตาม เป็นความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการ หลังจากเดือนตุลาคมนี้ จะดำเนินการเกลี่ยอัตรากำลังครูทั้งประเทศ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาให้โรงเรียนที่ขาดแคลน หากโรงเรียนใดขาดนักการภารโรง ก็จะได้นักการภารโรง หรือโรงเรียนใดที่มีครูธุรการเกิน ก็จะเกลี่ยออกไปให้โรงเรียนอื่นที่ขาดแคลน
แนวทางขับเคลื่อนการศึกษาไทยสำหรับ
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงการขับเคลื่อนบริบทคนไทยไปสู่ยุค Thailand 4.0 ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลว่า หากย้อนมองไปในอดีต ยุค 1.0 คือการเกษตรกรรม, 2.0 คืออุตสาหกรรมเบา, 3.0 คืออุตสาหกรรมหนัก, 4.0 คือนวัตกรรม ดังนั้น การขับเคลื่อนบริบทของภาครัฐเข้าสู่ยุค
นอกจากนี้ หน่วยงานในสังกัดต้องคำนึงถึง 4 ประเด็นปฏิรูปเร่งด่วน คือ 1) โครงสร้างการบริหารและงบประมาณ 2) การบริหารงานบุคคล 3) ระบบสารสนเทศ ซึ่งทั้งสามด้านจะนำไปสู่ 4) คุณภาพและมาตรฐานการศึกษา ด้วยความมีธรรมาภิบาล
รมว.ศึกษาธิการ ได้กล่าวถึงพันธสัญญา (Commitment) ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่จะต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่ประกาศไว้ 11 ข้อ คือ
1. ภายใน 1 ปี : ให้เด็กทุกคนได้เข้าถึงการศึกษาและคุณภาพอย่างเท่าเทียมกัน
2. ภายใน 5 ปี : ส่งเสริมให้ครูใช้ศักยภาพในการสอนอย่างเต็มที่
3. ภายใน 1 ปี : จะทำครูให้ครบตามเกณฑ์
ภายใน 2 ปี : จะทำครูให้มีครูประจำชั้นครบทุกห้อง
ภายใน 5-10 ปี : จะทำให้ครูตรงสาขา
4. ภายใน 2 ปี : จะทำให้เด็กเรียนท่องจำ ในสิ่งที่ควรจำ และนำสิ่งที่จำไปฝึกคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ครบทุกโรงเรียน
5. ภายใน 5 ปี : จะทำให้มีการเรียนการสอน STEM Education (Science Technology Engineering and Mathematics) ครบทุกโรงเรียน
6. ภายใน 3 ปี : ยกระดับภาษาอังกฤษให้นักเรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวันได้
7. ภายในปี 2560 : ปรับระบบการสอบ O-NET ให้เป็นที่ยอมรับ และสะท้อนถึงคุณภาพของการจัดการศึกษา
8. ภายใน 10 ปี : จะผลิตกำลังคน ให้ตรงกับความต้องการของประเทศ
9. ผลิตคนดีออกสู่สังคม
10. ภายในปี 2560 : ซ่อมบ้านพักครูให้แล้วเสร็จทั้งหมด
11. การแก้ปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบ
ติดตามอ่านรายละเอียดประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติมที่ : ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 324/2559
ดังนั้น หากครูได้พัฒนาตนเองหรือได้รับการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะส่งผลถึงคุณภาพการศึกษา
หลากหลายแนวทางของ ศธ.ในการแก้ข้อกล่าวหาว่า "ครูไม่เก่ง"
อย่างไรก็ตาม กระทรวงศึกษาธิการก็มีแนวทางสำคัญที่จะช่วยแก้ข้อกล่าวหาที่ว่า "ครูไม่เก่ง" ในหลายด้าน เช่น ดำเนินโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น โดยคัดเลือกนักเรียนเกรดไม่ต่ำกว่า 3.0 เข้าร่วมโครงการ แต่ในปีแรกจะเริ่มจากการบรรจุเป็นครูเข้าร่วมโครงการจำนวน 4,079 อัตรา จากจำนวนผู้สมัครทั้งสิ้น 39,400 คน ในวันที่ 25 ตุลาคม 2559 ซึ่งจากข้อมูลการเปิดรับสมัครพบว่า สพม.33 (สุรินทร์) เปิดรับสมัครครูมากที่สุด 41 อัตรา และเป็นจังหวัดที่มียอดผู้สมัครสอบสูงที่สุดถึง 757 คน ส่วนเขตที่มีผู้สมัครน้อยที่สุดคือ สพม.5 (สิงห์บุรี) มีจำนวนผู้สมัคร 12 คน ทั้งนี้
นอกจากนี้ จะมีการทดสอบความรู้ครู เพื่อจัดสอบวัดมาตรฐานความรู้ตามรายวิชาที่สอน โดยดูจากผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน คือนำผลการทดสอบและผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนมาเป็นตัวกำหนดว่าครูท่านใดจะต้องอบรมในสาระใดบ้าง และการอบรมเพื่อพัฒนาครูในปีงบประมาณหน้า จะเน้นให้มีการพัฒนาในจังหวัดมากขึ้น โดยให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดดำเนินการ ซึ่งต้องเป็นเรื่องที่ครูควรได้รับการพัฒนา และมีการประเมินความรู้ครูก่อนว่าควรเข้ารับการอบรมในเรื่องใด
ในการประชุม
ในขณะเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการได้มีการวางแผนอัตรากำลังครูล่วงหน้า 10 ปี (พ.ศ.2559-2568) ไว้แล้วเพื่อทดแทนจำนวนครูที่เกษียณอายุราชการจำนวน 223,301 อัตรา รวมทั้งนำข้อมูลความต้องการของหน่วยงานต่างๆ มาประกอบการพิจารณาการผลิตด้วย เช่น อาชีวะ ต้องการครูภาษาอังกฤษมากที่สุด ในขณะที่ สพฐ. ขาดแคลนครูคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์จำนวนมาก
นอกจากการผลิตและพัฒนาครูแล้ว จะมีการแก้ไขปัญหาระบบนิเทศ เพราะปัจจุบันศึกษานิเทศก์ยังไม่ได้รับการยอมรับจากครูมากนัก เพราะคุณสมบัติปัจจุบันกำหนดว่าครูที่มีอายุราชการ 5 ปีก็สอบเป็นศึกษานิเทศก์ได้ ทำให้ไม่มีประสบการณ์ ไม่ได้รับการยอมรับจากครูเท่าที่ควร ดังนั้นต่อไปจะกำหนดคุณสมบัติของศึกษานิเทศก์โดยให้ครูมีคุณสมบัติด้านการสอนอย่างน้อย 10 ปี และจะสร้างความก้าวหน้าในอาชีพ เพื่อให้การนิเทศมีบทบาทสำคัญต่อคุณภาพการเรียนการสอนในโรงเรียน
อีกประเด็นที่ได้ดำเนินการ คือ การใช้เครือข่ายอุดมศึกษาเป็นพี่เลี้ยง เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาลงไปช่วยพัฒนาโรงเรียนในพื้นที่ที่รับผิดชอบจำนวน 10,947 โรงทั่วประเทศ
โครงการคืนครูผู้ทรงคุณค่าแห่งแผ่นดิน ก็เป็นอีกโครงการที่จะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2559 โดยหลักการคือสรรหาครูที่เกษียณอายุราชการและมีจิตอาสาเข้าร่วมโครงการเข้ามาช่วยสอน จำนวน 1,097 คน ส่วนปี 2560 จะอนุมัติงบประมาณให้เพิ่มเติมอีก 5,400 คน
นอกจากนี้ มีแนวทางที่สำคัญอีกหลายเรื่อง เช่น การเลื่อนวิทยฐานะครูให้เป็นเรื่องเดียวกับการพัฒนาครู การวิจัยในโรงเรียนและมีความสอดคล้องกับผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน, การเข้าสู่ตำแหน่งของผู้บริหารสถานศึกษาที่
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี: ถ่ายภาพ
19/8/2559