สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. – เมื่อวันพุธที่ 14 กันยายน 2559 ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการลดภาระหนี้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ระหว่างนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. ที่อาคารสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. โดยมีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งคณะผู้บริหารฝ่ายการเมือง ผู้บริหารระดับสูง 5 องค์กรหลัก ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนจำนวนมาก เข้าร่วมพิธีการลงนามในครั้งนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า โครงการลดภาระหนี้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในครั้งนี้ เป็นโครงการที่ต้องให้เครดิตต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้สั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการคลังเข้าไปแก้ไขปัญหา
จากข้อสั่งการในวันนั้นจนถึงวันลงนามในครั้งนี้ ได้มีการหารือและได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างแน่นแฟ้น แต่การแก้ไขปัญหาจะใช้วิธีการพักหนี้หรือล้างหนี้เช่นเดียวกับชาวนาหรือเกษตรกรไม่ได้ ครูที่เป็นหนี้จึงจำเป็นต้องชำระหนี้ เพียงแต่ขอให้อัตราดอกเบี้ยในการชำระหนี้น้อยลง เพื่อลดภาระของครู ให้ครูมีขวัญกำลังใจที่จะทำงาน
ทั้งนี้ อาชีพครูมีหนี้สินไม่ต่างจากอาชีพอื่นๆ แต่อาชีพครูอาจจะมีความจำเจที่ต้องอยู่หน้าชั้นเรียน เป็นเรือจ้างที่คอยพายเรือส่งเด็กจบออกไปในแต่ละรุ่นจนกว่าครูจะเกษียณ และเป็นอาชีพที่ได้พบเด็กแต่ละรุ่นที่มีความหลากหลายแตกต่างกันออกไป ทั้งเด็กที่มีครอบครัวยากจน หรือบางคนเป็นลูก อบต. จึงเข้าใจว่าทำไมครูจึงต้องมีทางออกอื่นๆ ซึ่งครูก็มีความจำเป็นที่จะต้องกู้เงินเพื่อใช้จ่ายตามความจำเป็น ประกอบกับการขาดการดูแลจากผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น รวมทั้งการแข่งขันการทำยอดเงินกู้จากสถาบันการเงินต่างๆ และสหกรณ์ออมทรัพย์ครูซึ่งปล่อยให้ครูกู้ง่ายมาก จึงทำให้สัดส่วนหนี้สินของครูมีเป็นจำนวนมาก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ครูเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาลไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ด้วยพื้นฐานอาชีพของครู คือ สามารถผลิตคนที่มีคุณภาพในการพัฒนาประเทศ
ดังนั้น จึงได้กำหนดการปฏิรูปการศึกษาไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย แต่ในขณะเดียวกันครูประสบปัญหาค่อนข้างหนักเกี่ยวกับภาระหนี้สิน ซึ่งกลุ่มอาชีพครูมีจำนวนกว่า 9 แสนราย ในจำนวนนี้เป็นหนี้ธนาคารออมสินกว่า 4 แสนราย และเป็นกลุ่มอาชีพที่มีภาระสัดส่วนหนี้สูงที่สุด รัฐบาลจึงเห็นว่าขวัญกำลังใจของครูในการสอนนักเรียนเป็นเรื่องใหญ่ จึงต้องการบรรเทาความเดือดร้อนด้วยการลดภาระหนี้ของครู
นอกจากการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูในครั้งนี้แล้ว กระทรวงการคลังเตรียมแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบทั่วประเทศภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ ซึ่งปัจจุบันผู้กู้เงินนอกระบบต้องรับภาระอัตราดอกเบี้ยสูงมาก ใครเข้าไปไม่มีทางหลุดออกมาได้ และมีการทวงหนี้โหดด้วย จึงต้องการจะผลักดันการแก้ไขปัญหาการกู้เงินนอกระบบครั้งนี้ให้มีความเข้มข้นและเกิดความยั่งยืนต่อไป โดยจะมีการออกกฎหมายบังคับให้ผู้ปล่อยกู้เงินนอกระบบจะต้องคิดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เป็นไปตามอัตราที่กำหนด และกำหนดบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนถึงขั้นจำคุกไว้ด้วย ขณะเดียวกันจะเปิดช่องทางให้ผู้ที่ต้องการใช้เงินเป็นพิเศษด้วยความจำเป็น ซึ่งธนาคารออมสินอาจจะไม่ต้องมีหลักประกันหรือคิดอัตราดอกเบี้ยถูกมาก รวมทั้งจะพยายามปรับให้ผู้กู้นอกระบบเข้ามาในระบบให้มากขึ้น หวังว่าโครงการลักษณะนี้จะทยอยออกมาช่วยเหลือประชาชนให้มากขึ้น
ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า การกู้เงินตามโครงการนี้จะช่วยลดภาระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยนำเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ครอบครัว (เงิน ช.พ.ค.) ที่ทายาทมีสิทธิ์จะได้รับในอนาคตมาค้ำประกัน ซึ่งธนาคารออมสินคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 4.00% ต่อปี ต่ำกว่าเงินกู้เดิมที่คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประมาณ 5.85-6.70% ต่อปี
ทั้งนี้ ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ต้องเป็นผู้ที่ยังมีภาระหนี้สินเชื่อโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. กับธนาคาร มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และคงมีสถานะเป็นสมาชิก ช.พ.ค. โดยกำหนดวงเงินสินเชื่อเท่ากับจำนวนเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ครอบครัวที่ทายาทมีสิทธิ์จะได้รับหลังค่าจัดการศพแล้ว โดยเงินสินเชื่อจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 นำไปชำระหนี้เงินต้นบางส่วนหรือปิดบัญชีเงินกู้ ช.พ.ค.เดิม ส่วนที่ 2 กันไว้เพื่อชำระดอกเบี้ยเงินกู้ตามสัญญาใหม่ และชำระเงินสงเคราะห์รายศพรายเดือนตลอดระยะเวลากู้ โดยการดำเนินโครงการนี้ ธนาคารออมสินได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ในการตรวจสอบยืนยันความเป็นสมาชิก ช.พ.ค. ของผู้ที่จะขอสินเชื่อใหม่ตามโครงการนี้
โครงการนี้ จะทำให้รัฐบาลสามารถแก้ไขบรรเทาปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ โดยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประมาณ 289,000 ราย จะสามารถลดภาระหนี้ลงได้ทันทีเฉลี่ย 250,000 บาทต่อราย เป็นเงิน 72,250 ล้านบาท ทำให้ลดภาระการผ่อนชำระหนี้เดิมลงได้ 1,200-2,400 บาท หรือบางรายสามารถปิดบัญชีได้โดยไม่ต้องผ่อนชำระหนี้อีกต่อไป ขณะเดียวกันธนาคารออมสินได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงจากเดิม 5.85-6.70% ต่อปี เป็น 4.00% ต่อปี เป็นการแบ่งเบาภาระในระยะยาว และไม่ต้องผ่อนชำระหนี้วงเงินสินเชื่อใหม่ตลอดอายุสัญญา ซึ่งจะทำให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ทำให้เกิดการพัฒนาวิชาชีพครูในภาพรวม รวมทั้งเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน
บรรยากาศการลงนามความร่วมมือโครงการลดภาระหนี้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
บัลลังก์ โรหิตเสถียร : สรุป/รายงาน
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี : ถ่ายภาพ
14/9/2559
Post Views: 504