Home / ข่าวประชาสัมพันธ์ / ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 398/2559 มอบใบประกาศจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าระดับจังหวัด องค์การค้าของ สกสค.

ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 398/2559 มอบใบประกาศจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าระดับจังหวัด องค์การค้าของ สกสค.

WU6A8449 องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จัดพิธีมอบใบประกาศจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าระดับจังหวัด และเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าขององค์การค้าของ สกสค. จำนวน 31 ศูนย์ทั่วประเทศ โดยมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานกรรมการบริหารองค์การค้าของ สกสค. เป็นประธานพิธี รวมทั้งนายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ประธานคณะทำงานกำหนดแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพและติดตามการดำเนินงานขององค์การค้าของ สกสค., นายโยธิน มูลกำบิล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายสุเทพ ชิตยวงษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ตลอดจนผู้บริหารและเจ้าหน้าที่องค์การค้าของ สกสค. เข้าร่วม เมื่อวันพุธที่ 21 กันยายน 2559 ที่ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ

นายสุเทพ ชิตยวงษ์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าระดับจังหวัดทั่วประเทศว่า เป็นการดำเนินงานตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และสอดคล้องกับนโยบายการปฏิรูปการศึกษาของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ที่ต้องการให้ปรับปรุงการดำเนินงานขององค์การค้าของ สกสค.ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า ลดต้นทุนการขาย ลดค่าขนส่ง ลดพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้า ตลอดจนเป็นการอำนวยความสะดวกให้สถานศึกษาได้รับบริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมยืนยันว่าได้กำหนดขั้นตอนการดำเนินงานที่มีความชัดเจน โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่ายทำให้มีการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศขึ้นเป็นครั้งแรก ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการจัดจำหน่ายและจัดส่งหนังสือแบบเรียน ให้ถึงมือสถานศึกษาก่อนปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2559 อย่างแน่นอน

การจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าครั้งนี้ มีร้านค้าสมัครเข้าร่วมจำนวน 31 ศูนย์ (ใน 26 จังหวัด) ประกอบด้วย

  • ภาคกลาง – นนทบุรี, ปทุมธานี, นครปฐม, สมุทรสาคร, สุพรรณบุรี (2 ศูนย์), พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, นครนายก

  • ภาคตะวันออก – ชลบุรี, ระยอง

  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ – ร้อยเอ็ด, กาฬสินธุ์, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, นครราชสีมา (2 ศูนย์), ขอนแก่น

  • ภาคตะวันตก – ตาก

  • ภาคเหนือ – สุโขทัย, นครสวรรค์, เชียงราย (2 ศูนย์), เชียงใหม่, ลำปาง

  • ภาคใต้ – นครศรีธรรมราช, พัทลุง, สงขลา (2 ศูนย์), ปัตตานี (2 ศูนย์)

ทั้งนี้ ร้านค้าต้องจ่ายเงินค่าประกันเป็นร้านละ 4 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้องค์การค้าของ สกสค.ได้รับเงินประกันแล้วจำนวน 124 ล้านบาท และได้มียอดสั่งจองหนังสือเรียน ณ วันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา คิดเป็นเงิน 759 ล้านบาท พร้อมมีการโอนเงินให้องค์การค้าของ สกสค.แล้วประมาณ 317 ล้านบาท

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้มอบแนวทางแก่คณะทำงานฯ ให้ดำเนินงานปรับปรุงระบบงานขององค์การค้าของ สกสค. โดยเน้นที่ความโปร่งใสเป็นหลัก จึงได้จัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าดังกล่าว เพื่อให้องค์การค้าของ สกสค. สามารถผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพและจัดส่งได้ทันเวลา ในขณะเดียวกันคู่ค้าหรือร้านค้าก็สามารถขายสินค้าได้และมีการพัฒนายอดขายเพิ่มขึ้น สิ่งสำคัญคือการประเมินทั้งสองส่วน ทั้งในส่วนของคู่ค้าที่ต้องประเมินการขายสินค้าของตนเอง พร้อมสะท้อนปัญหาและอุปสรรคต่างๆ กลับมายังองค์การค้าของ สกสค. เพื่อนำข้อเสนอมาปรับปรุงแก้ไข ซึ่งต้องยอมรับว่าได้มีการคลี่คลายปัญหาไปแล้วหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการลดภาระหนี้สินรายปี การผลิตสินค้าที่ดีมีมาตรฐาน การส่งสินค้าให้ทันเวลา เป็นต้น นอกจากนี้กระทรวงศึกษาธิการได้ขอความร่วมมือไปยังโรงเรียนต่างๆ ให้ช่วยพิจารณาสินค้าจากองค์การค้าของ สกสค. เป็นอันดับแรก ๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการกำลังปรับระบบการเข้าสู่ตำแหน่งของผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. และรองผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ที่มาจากสัญญาจ้าง ตลอดจนทบทวนกฎ กติกา และอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. และเลขาธิการ สกสค.ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น เพื่อเป็นการอุดช่องว่างในอดีตที่มีการใช้อำนาจมากเกินเหตุจนเกิดความเสียหาย โดยคาดว่ากฎกติกาใหม่จะแล้วเสร็จภายในอีก 2 เดือนข้างหน้า จากนั้นจะเสนอไปยัง คสช.ให้ยกเลิกคำสั่งเดิม เพื่อจะได้มีการคัดสรรผู้ที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งตามกฎกติกาใหม่ต่อไป


รมว.ศึกษาธิการ กล่าวเพิ่มเติมถึงการลงนามในคำสั่งมอบหมายให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ โดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 6 ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 7/2558 โดยมอบหมายให้

  • นายพิษณุ ตุลสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. แทนนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งขอลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว เนื่องจากมีภารกิจที่ต้องดูแลงานของสำนักงาน ก.ค.ศ.เป็นจำนวนมาก และเป็นคนมุ่งมั่นในการทำงานอย่างซื่อตรง เป็นที่ยอมรับของคนในกระทรวงศึกษาธิการ และมีความกล้า เป็นคนไม่กลัว พร้อมลุย

  • นายสมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา แทนนายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากนายชัยยศฯ ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องสำคัญหลายเรื่อง รวมทั้งการพัฒนากิจการลูกเสือไทย โดยเฉพาะการปฏิรูปกิจการลูกเสือที่ขณะนี้แผ่วลง ซึ่งเชื่อว่านายสมศักดิ์ฯ จะทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอดีตเคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคุรุสภามาก่อนด้วย

  • ส่วนตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. แทนนายสุเทพ ชิตยวงษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษานั้น เห็นว่าเป็นงานใหม่และรัฐบาลให้ความสำคัญมาก จึงต้องการให้มีเวลาทำงานอย่างเต็มที่ โดยปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้เสนอรายชื่อผู้เหมาะสมมา 2 ราย แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ขอพิจารณาให้รอบคอบก่อน

นอกจากนี้ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงผลการประชุมของคณะกรรมการ สกสค.ด้วยว่า ที่ประชุมได้อนุมัติให้องค์การค้าของ สกสค. จ่ายเงินเดือนค้างจ่ายให้แก่พนักงาน จำนวน 2,411 คน รวมเป็นเงิน 1,200 ล้านบาท ตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญาจ้างพนักงานว่า หากคณะรัฐมนตรีมีมติขึ้นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ องค์การค้าของ สกสค. ก็ต้องปรับอัตราเงินเดือนให้สอดคล้องด้วย ซึ่งที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติขึ้นเงินเดือนข้าราชการแล้วจำนวน 3 ครั้ง คือในปี 2547, ปี 2549 และปี 2550 แต่องค์การค้าของ สกสค. ไม่มีการปรับเงินเดือนแต่อย่างใด โดยจะอ้างว่าเพราะมีภาระหนี้สินอีกจำนวน 5,000 ล้านบาท คงไม่ได้ จึงได้มอบให้องค์การค้าของ สกสค. หาแนวทางและจัดทำแผนผ่อนจ่ายเงินเดือนที่ค้างชำระให้แก่พนักงาน เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการ สกสค. ในการประชุมครั้งต่อไป


นวรัตน์ รามสูต, บัลลังก์ โรหิตเสถียร : สรุป/รายงาน
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี : ถ่ายภาพ
22/9/2559