พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) ครั้งที่ 5/2559 เมื่อวันจันทร์ที่ 26 กันยายน 2559 ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์วิจิตร ศรีสอ้าน ชั้น 5
รา
-
ด้าน
ศักยภาพของบุคลากรสายวิชาการ ด้านผลงานวิจัย จาก ฐานข้อมูลนานาชาติ Scopus ช่วงปี 2547-2556 มีการตีพิมพ์ผลงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 2,354 บทความ เป็น 9,387 บทความ หรือเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ย 780 บทความ/ปี ซึ่งการเพิ่มขึ้นของบทความวิจัยเกิดขึ้นอย่างคู่ขนานกับการเพิ่มขึ้นของพนักงานมหาวิทยาลัยด้วย แสดงให้เห็นว่าพนักงานมหาวิทยาลัยเป็นบุคลากรกลุ่มหลักที่ผลิตผลงานวิจัย นอกจากนี้ ผลการศึกษาระบุว่าคุณภาพของบทความวิจัยก็มีคุณภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการเปรียบเทียบจำนวนครั้งของการอ้างอิงผลงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2547 มีจำนวน 633 ครั้ง ในขณะที่ปี 2556 มีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึง 112,053 ครั้ง -
ด้าน ศักยภาพของบุคลากรสายวิชาการ ด้านระดับการศึกษา ในภาพรวม ปี 2549 สัดส่วนคุณวุฒิของบุคลากรสายวิชาการระดับการศึกษาปริญญาตรี : โท : เอก คิดเป็น 14 : 59 : 27 และมีสัดส่วนคุณวุฒิของบุคลากรสายวิชาการเป็น 7 : 50 : 43 ในปี 2558 โดยเฉพาะจำนวนอาจารย์วุฒิปริญญาเอกในปี 2558 มีจำนวน 27,867 คน เพิ่มขึ้น 2.5 เท่าในระยะ 9 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2549 ผลจากการเพิ่มขึ้นดังกล่าวทำให้สัดส่วนอาจารย์วุฒิปริญญาเอก ต่อจำนวนอาจารย์ทั้งหมด เพิ่มจาก 27% ในปี 2549 เป็น 43% ในปี 2558 -
ด้าน ศักยภาพของบุคลากรสายวิชาการ ด้านตำแหน่งทางวิชาการ ในภาพรวมจะเห็นการเพิ่มบุคลากรตำแหน่ง "อาจารย์" อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตำแหน่งทางวิชาการอื่น ๆ ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ มีจำนวนการเพิ่มค่อนข้างคงที่ ส่วนตำแหน่ง ศาสตราจารย์แม้จะมีจำนวนน้อย แต่ก็มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
-
ด้านบริหารงานบุคคล ผลการศึกษาพบว่า "ระบบพนักงานมหาวิทยาลัย" ได้สร้างระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานไว้ในข้อบังคับการบริหารงานบุคคลของแต่ละมหาวิทยาลัยและในสัญญาจ้างงาน และผลการศึกษายังพบด้วยว่าผลกระทบจากการเลื่อนไหลบุคลากรที่มีคุณภาพจากมหาวิทยาลัยที่จัดตั้งใหม่ไปสู่มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง และจากมหาวิทยาลัยในภูมิภาคไปมหาวิทยาลัยส่วนกลาง ล้วนมีผลกระทบต่อคุณภาพมหาวิทยาลัยที่ตั้งใหม่และในภูมิภาคมีคุณภาพด้อยลงด้วย นอกจากนี้การบรรจุอาจารย์ที่เน้นระดับปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยหลายแห่งให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยขาดการตรวจสอบในเชิงคุณภาพ ซึ่งพบว่ามหาวิทยาลัยจำนวนไม่น้อยที่บรรจุจากผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในประเทศและต่างประเทศที่ขาดความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพ -
ด้านการเงินและงบประมาณ พบว่ารัฐต้องจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้นในการเปลี่ยนสถานภาพจากข้าราชการเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย เนื่องจากการเพิ่มค่าตอบแทนเป็น 1.7 เท่าของพนักงานมหาวิทยาลัยสายวิชาการ และ 1.5 เท่าในสายสนับสนุน และต่อไปเมื่อมหาวิทยาลัยมีแต่พนักงานมหาวิทยาลัย รัฐจะต้องหาเงินมาเพิ่มค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มากยิ่งขึ้น แต่เมื่อพนักงานมหาวิทยาลัยเกษียณจากงานแล้ว รัฐจะลดภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ด้วย ซึ่งจะต้องมีการศึกษาต่อไปว่าจะมีการลดลงเพียงใด สำหรับภาระด้านงบประมาณนั้น มหาวิทยาลัยก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับรัฐ เพราะต้องบริหารเงินที่รัฐให้มาในหมวดอุดหนุนทั่วไปและรายได้ของมหาวิทยาลัย เป็นค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น แต่รายได้จากแหล่งสำคัญ คือ เงินบำรุงการศึกษามีแนวโน้มลดลง มหาวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องแสวงหารายได้จากแหล่งอื่น ๆ ซึ่งเป็นภาระที่กระทำได้ยากยิ่ง อย่างไรก็ตามผลกระทบด้านบวกก็คือ การบริหารจัดการด้านการเงินใน
หมวดอุดหนุนทั่วไป ทำให้สามารถออกข้อบังคับและระเบียบต่าง ๆ ให้สนองตอบพันธกิจและการเปลี่ยนแปลงในสภาพการณ์ใหม่ ๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น สามารถจัดหางบประมาณมาสนับสนุนงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์สร้างสรรค์ให้กับพนักงานมหาวิทยาลัยเพื่อผลิตผลงาน และอาจแปลงผลงานเหล่านั้นเป็นรายได้เพิ่มเติม
ข้อเสนอของการศึกษาในครั้งนี้ มี 3 ประเด็นที่สำคัญ ดังนี้
-
ให้มีพระราชบัญญัติการบริหารงานบุคคลในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นกฎหมายกลางสำหรับมหาวิทยาลัยที่เป็นมาตรฐานขั้นต่ำ เพื่อให้เกิดความสมดุล และไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างบุคลากรในมหาวิทยาลัย
-
ให้มีระบบกลไกในการสรรหาผู้บริหารมหาวิทยาลัย เพื่อให้ได้ผู้บริหารที่มีภาวะผู้นำ ธรรมาภิบาล และวิสัยทัศน์ สามารถสร้างศรัทธาจากบุคลากรทุกภาคส่วน
-
ควรมีการศึกษาวิจัยเฉพาะเรื่องในเชิงลึก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนถึงผลกระทบจากการเปลี่ยน
สถานภาพของมหาวิทยาลัยไทย ที่มีต่อการบริหารมหาวิทยาลัยในด้านต่าง ๆ เช่น การได้รับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ เป็นต้น
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า
ที่ประชุมรับทราบการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์และรองศาสตราจารย์ และให้ความเห็นชอบการได้รับเงินประจำตำแหน่งดังกล่าว จำนวน 59 ราย ดังนี้
|
ผศ. (ราย) |
รศ. (ราย) |
รวม |
1) สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (เดิม) |
19 | 16 | 35 |
2) มหาวิทยาลัยราชภัฏ |
6 | 4 | 10 |
3) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล |
14 | – | 14 |
รวม |
39 | 20 | 59 |
ส่วนหนึ่งของคณะกรรมการ ก.พ.อ. ที่เข้าร่วมประชุม
ภายหลังประชุม รมว.ศธ.ในนามคณะกรรมการ ก.พ.อ. ได้มอบของที่ระลึกแด่
นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. และ น.ส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ เลขาธิการ กกอ.
ซึ่งทั้งสองท่านเป็นคณะกรรมการใน ก.พ.อ. ที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้
และมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีต่อ รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม รองเลขาธิการ กกอ.
ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บัลลังก์ โรหิตเสถียร : สรุป/รายงาน
กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สกอ. : ถ่ายภาพ
26/9/2559